เมนูนำทาง
โทกูงาวะ อิเอมิตสึ โชกุนอิเอะมิสึในค.ศ. 1623 โชกุนฮิเดะทะดะได้สละตำแหน่งโชกุนให้แก่อิเอะมิสึ อิเอะมิสึจึงได้สืบทอดตำแหน่งโชกุนต่อจากบิดาแต่อำนาจอันแท้จริงยังคงอยู่ที่บิดาคือฮิเดะทะดะในฐานะ โอโงโช ในค.ศ. 1624 โอโงโชฮิเดะทะดะและโชกุนอิเอะมิสึได้จัดขบวนอย่างใหญ่โตเดินทางไปยังเมืองเคียวโตะ พำนักที่ปราสาทนิโจ เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนัก ในโอกาสที่น้องสาวของโชกุนอิเอะมิสึคือ พระจักรพรรดินีมะซะโกะ (Masako, 和子) ในพระจักรพรรดิโก-มิซุโน (Go-Mizunoo, 後水尾) ได้ประสูติพระธิดาในปีนั้น (ภายหลังคือ พระจักรพรรดินีเมโช) ซึ่งเป็นติดต่อกันครั้งสุดท้าย ระหว่างเอะโดะรัฐบาลโชกุนกับราชสำนักที่เคียวโตะในรอบสองร้อยปี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์จีวรสีม่วง (Shie-jiken, 紫衣事件) ในค.ศ. 1629 ซึ่งทางรัฐบาลโชกุนได้กล่าวหาราชสำนักเคียวโตะว่า ได้ทำการมอบจีวรสีม่วงอันเป็นเครื่องประดับยศของพระสงฆ์ระดับสูง ให้แก่พระสงฆ์เกินจำนวนที่รัฐบาลโชกุนได้จำกัดไว้ รัฐบาลโชกุนจึงได้ยกเลิกเกียรติยศของพระสงฆ์เหล่านั้นและเนรเทศไป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักเคียวโตะและรัฐบาลโชกุนต้องขาดสะบั้นลง
ในค.ศ. 1631 โชกุนอิเอะมิสึตัดสินใจที่จะกักบริเวณน้องชายของตนเอง คือ ทะดะนะงะ ไว้ในแคว้นของตนคือแคว้นโคะฟุ (Kofu, 甲府) ในค.ศ. 1632 โอโงโชฮิเดะตะดะถึงแก่อสัญกรรม ทำให้โชกุนอิเอะมิสึมีอำนาจปกครองญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ เมื่อ โอโงโช ฮิเดะตะดะ ถึงแก่กรรมไปแล้ว โชกุนอิเอะมิสึจึงได้มีคำสั่งให้ทะดะนะงะน้องชายของตนกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตไปในค.ศ. 1634
ในค.ศ. 1635 โชกุนอิเอะมิสึได้ออกกฎหมายซะมุไร หรือ บุเกะ ชุฮัตโตะ (Buke-Shuhatto, 武家諸法度) ฉบับใหม่ โดยได้นำหลัก ซันกิน-โคไต (Sankin-kōtai, 参勤交代) เป็นการลดอำนาจของไดเมียว โดยการบังคับให้ไดเมียวเจ้าแคว้น จะต้องพำนักอยู่ในเมืองเอะโดะเป็นเวลาหนึ่งปี และออกไปพำนักอยู่ที่แคว้นของตนเป็นเวลาอีกหนึ่งปี สลับกันไปทุกปี โดยที่ภรรยาเอกและทายาทพำนักอยู่ในเมืองเอะโดะตลอดเวลา การเดินทางไปกลับจากแคว้นของตนและเมืองเอะโดะ ด้วยขบวนที่ใหญ่โตอลังการทำให้ไดเมียวเจ้าแคว้นต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก และไม่สามารถสั่งสมอำนาจในแคว้นของตนได้ อีกทั้งรัฐบาลโชกุนยังบังคับให้ไดเมียวสร้างคฤหาสน์ใหญ่ในเมืองเอะโดะอีกอย่างน้อยคนละสามหลัง นโยบายนี้บังคับใช้ไปตลอดยุคเอะโดะ
โชกุนอิเอะมิสึได้ช่วยเหลือบิดาของตนในการกวาดล้างและลงโทษชาวคริสเตียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบนเกาะคิวชูอันเป็นแหล่งเผยแผ่ศาสนาของมิชชันนารีชาวโปรตุเกสมาตั้งแต่สมัยเซ็งโงะกุ มีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากรวมทั้งไดเมียวบางคนเข้ารีต หลังจากนโยบายกดขี่ชาวคริสเตียนอย่างหนักหน่วงและความแห้งแล้งอดอยาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นคริสต์บนแหลมชิมะบะระ (Shimabara, 島原) และเกาะอะมะกุซะ (Amakusa, 天草) อันเป็นส่วนหนึ่งของเกาะคิวชู ลุกฮือขึ้นต่อกต้านการปกครองของรัฐบาลโชกุนตระกูลโทะกุงะวะในค.ศ. 1637 นำโดยหนุ่มชาวนาชื่อว่า อะมะกุสะ ชิโร่ (Amakusa Shirō, 天草 四郎) เรียกว่า กบฏชิมะบะระ (Shimabara-no-ran, 島原の乱)
กองทัพกบฏชาวบ้านได้เข้าโจมตีปราสาทชิมะบะระ อันเป็นปราสาทของไดเมียวเจ้าแคว้นแต่ไม่สำเร็จ จึงได้เข้ายึดปราสาทฮะระ (Hara-jō, 原城) อันเป็นปราสาทว่างเปล่าเป็นฐานที่มั่น ทางฝ่ายบะกุฟุได้ส่ง อิตะกุระ ชิเงะมะสะ (Itakura Shigemasa, 板倉重昌) ยกทัพมาทำการล้อมปราสาทฮะระ นอกจากนี้ยังได้ขอความช่วยเหลือไปยังชาวฮอลันดาที่เมืองท่าฮิระโดะ ให้ส่งเรือรบมาช่วยปราบกบฏ แม้กระนั้นกบฏชาวบ้านก็ยังต่อสู้ป้องกันปราสาทอย่างแข็งขัน จนกระทั่งอิตะกุระ ชิเงะมะสะ ถูกสังหารในที่รบในค.ศ. 1638 รัฐบาลโชกุนจึงส่งมะสึไดระ โนะบุสึนะ (Matsudaira Nobutsuna, 松平信綱) มาแทน เป็นเวลาเดียวกับที่ชาวบ้านเริ่มจะอ่อนกำลังและขาดเสบียง ทำให้ทัพของรัฐบาลโชกุนเข้ายึดปราสาทฮะระได้ในที่สุด
กบฏชาวบ้านจำนวนมากถูกประหารชีวิตที่เมืองนะงะซะกิ กบฏชิมะบะระเป็นยุทธการทางทหารครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยเอะโดะ ทั้งยังมีการขอความช่วยเหลือจากฮอลันดา มาต่อสู้กับการลุกฮือที่ประกอบด้วยชาวบ้านเท่านั้น
กบฏชิมะบะระทำให้ทัศนคติของโชกุนอิเอะมิสึที่มีต่อชาวตะวันตกและคริสต์ศาสนาแย่ลง อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากฮะยะชิ ระซัง (Hayashi Razan, 林羅山) นักปราชญ์ขงจื้อและที่ปรึกษาคนสำคัญของโชกุน โชกุนอิเอะมิสึจึงได้ดำเนินนโยบายอย่างราชวงศ์หมิงและอาณาจักรโชซอน คือนโยบายปิดประเทศ หรือ ซะโกะกุ (Sakoku, 鎖国) เป็นกฎหมายต่างๆที่ประกาศออกมาในช่วงตั้งแต่ค.ศ. 1633 ถึง ค.ศ. 1638 จำนวนห้าฉบับ
ในค.ศ. 1631 โชกุนอิเอะมึสึได้จัดตั้งเรือ โฮโชะเซ็น (Hōsho-sen, 奉書船) อันเป็นเรือที่ต้องมีหนังสืออนุญาตจากโรจู ขึ้นมาแทนที่เรือชูอินเซ็น (Shuinsen, 朱印船) หรือเรือตรงแดงที่ใช้มาตั้งแต่ค.ศ. 1604
โชกุนอิเอะมิสึได้ให้มีการถมทะเลขึ้นมาเป็นเกาะที่ริมทะเลเมืองนะงะซะกิ เรียกว่า เกาะเดะจิมะ (Dejima, 出島) หรือ "เกาะทางออก" ในค.ศ. 1634 โดยไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของผืนแผ่นดินญี่ปุ่น สถานีการค้าของฮอลันดาจากเดิมที่อยู่ที่เมืองท่าฮิระโดะมาตั้งแต่ค.ศ. 1609 ได้ถูกคำสั่งจากบะกุฟุให้ย้ายไปที่เกาะเดะจิมะในค.ศ. 1641
นโยบายการปิดประเทศโดยที่มีชาวฮอลันดาเป็นชาวตะวันตกเพียงชาติเดียวที่สามารถติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่นได้นั้น จะยังคงสภาพเช่นนี้ไปอีกสองร้อยปี จนกระทั่งญี่ปุ่นถูกสหรัฐอเมริกาบังคับให้เปิดประเทศในค.ศ. 1854
ในค.ศ. 1642 เกิดทุพภิกขภัยปีคังเอ (Kan'ei-no-daikikin, 寛永の大飢饉) โชกุนอิเอะมิสึถึงแก่อสัญกรรมในค.ศ. 1650 บุตรชายคนโต คือ โทะกุงะวะ อิเอะสึนะ (Tokugawa Ietsuna, 徳川家綱) สืบทอดตำแหน่งโชกุนต่อมา
เมนูนำทาง
โทกูงาวะ อิเอมิตสึ โชกุนอิเอะมิสึใกล้เคียง
โทกูงาวะ โทกูงาวะ อิเอยาซุ โทกูงาวะ โยชิโนบุ โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ โทกูงาวะ อิเอมิตสึ โทกูงาวะ โยชิมูเนะ โทกูงาวะ อิเอ็ตสึนะ โทกูงาวะ สึนาโยชิ โทกูงาวะ อากิตาเกะ โทกูงาวะ อิเอโยชิแหล่งที่มา
WikiPedia: โทกูงาวะ อิเอมิตสึ